หนีห่าว อุ้ย สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าติดเทรนด์ละคร “กี่เพ้า”นะคะ แต่ช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องการแต่งตัวสไตล์จีน(ซึ่งเข้ากันกับหน้าตัวเอง)มาก
เพราะนอกจากจะใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวจีนอย่าง “ตรุษจีน” แล้ว เพื่อนสนิทเพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานไป และก็ยังเป็นพิธีแบบจีนเสียด้วย
“ต้องใส่กี่เพ้ามางานเรานะ” นี่คือโจทย์มหาโหดที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวพร้อมใจกันสั่งเอาไว้ก่อนวันงาน ทำให้ต้องกลับมาคิดกันหัวแตกว่าจะแต่งอย่างไรถึงจะดี เพราะปกติก็ไม่ค่อยจะได้แต่งตัวแนวนี้ไปไหนเสียด้วยสิคะ แต่ไหนๆ ก็งานเพื่อนรักทั้งทีก็ต้องทุ่มเทเสียหน่อย ลองแล้วลองอีกกว่าจะได้มาเป็นลุคนี้ แถมยังได้รับคำชมจากหลายๆ คน วันนี้เลยขอแชร์ประสบการณ์การแต่งตัวแบบจีน พร้อมแต่งหน้าเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ
เครื่องประดับต่างๆ ที่สาวเซี้ยงไฮ้ในสมัยนั้นนิยมสวมเครื่องประดับหรือชุดแบบตะวันตกคู่กับกี่เพ้า เช่น ตุ้มหู สร้อยคอ นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าแบบหนีบ ผ้าพันคอ หมวก เสื้อโคท รองเท้าส้นสูงและดัดผมหยิก
เริ่มต้นเลยก็ต้องรู้ก่อนว่า “กี่เพ้า” ที่เราจะใส่นั้นมีที่มาอย่างไร ตำนานชุดกี่เพ้าหรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า ฉีผาว เป็นเครื่องแต่งกายชั้นสูงที่มีจำกัดวงเฉพาะสตรีในราชสำนักจีนแมนจูในสมัยราชวงศ์ชิง มีจุดเริ่มต้นมาเมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว(ประมาณปี 1636) พอยุคปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิงโดยดร. ซุนยัสเซ็น กี่เพ้าถูกสตรีสามัญชนในระดับชั้นนำ(อาทิ ภริยาของ ดร. ซุนยัตเซ็น) นำมาสวมใส่เป็นแฟชั่น จากที่เคยใช้สวมใส่แต่ในวังก็ถูกนำออกมาสวมใส่ข้างนอกวังมากขึ้น อิทธิพลจากตะวันตกที่แผ่ขยายเข้ามาในเซี่ยงไฮ้ทำให้กี่เพ้าพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยขึ้น แขนสั้น เข้ารูปเน้นสัดส่วนยิ่งขึ้น ด้านข้างมีตะเข็บผ่าสูงเห็นเรียวขาเพื่อให้ก้าวขาสะดวก
หลังจากที่กี่เพ้ากลายเป็นที่นิยมในหมู่สาวจีน ชุดกี่เพ้าก็เริ่มมีลวดลายแฟชั่นมากยิ่งขึ้น มีการใช้ลายกราฟฟิคมาแทนที่การปักลวดลายดอกไม้และสัตว์มงคล ปัจจุบันดีไซเนอร์หลายท่านมักจะถ่ายทอดความงดงามของอิสตรีผ่านชุดกี่เพ้าที่ถูกนำมาตีความใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นแต่ไม่ว่ากี่ยุคสมัย กี่เพ้าก็ยังคงเอกลักษณ์ปกตั้ง ใช้ผ้าชิ้นเดียว และผ่าข้าง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นกี่เพ้า ปัจจุบันผู้หญิงนิยมสวมใส่กี่เพ้าในโอกาสสำคัญของชีวิตต่างๆ รวมไปถึงงานแต่งงาน(เอ้า..มาถูกทางแล้ว)
ส่วนลวดลายก็มีความหมายต่างๆ กันไป เช่น มังกรและหงส์(เป็นลวดลายสำหรับเจ้านาย สมัยก่อนมีไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ใครไม่ใช่แล้วไปใส่จะต้องโทษถึงขั้นโดนตัวหัวเลยล่ะ) ปัจจุบันเป็นที่นิยมมากในงานมงคล เช่นเดียวกับลายดอกโบตั๋นและดอกบัว ส่วนลายต้องห้ามก็มีคือลาย “ห่าน” ซึ่งเป็นสัตว์อัปมงคลตามความเชื่อของชาวจีนจึงไม่นิยมนำมาปักบนชุดกี่เพ้าค่ะ มาเห็นทีหลังว่าลายชุดคล้ายกับชุดที่จางม่านอวี้ใส่ในเรื่องIn the mood for love เลยค่ะ

หลังจากได้ข้อมูลเรื่องกี่เพ้ามาพอสมควรก็เริ่มต้นด้วยการค้นหาชุดกี่เพ้าจากร้านต่างๆ ที่นึกได้ครั้งแรกคือเยาวราชเพราะเป็นย่านสังคมคนจีน(อะไรเกี่ยวกับจีนๆ ก็มักจะต้องนึกถึงที่นี่ก่อนเสมอ) แต่หลังจากเดินหามาเป็นครึ่งค่อนวันก็พบว่าในเมืองไทยชุดกี่เพ้ามักจะเป็นชุดสำเร็จรูปไม่มีให้เลือกลวดลายมากนัก ดังนั้นก็เลยต้องเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ หันมาพึ่งอากู๋(กูเกิ้ล)แทน หลังจากท่องเว็บค้นหาไม่นานก็เลยตกลงใจสั่งชุดกี่เพ้าลายดอกกุหลาบจากเว็บไซต์ที่พรีออร์เดอร์สินค้าจากเมืองจีนไป พร้อมจ่ายเงินเสร็จสรรพในราคาประมาณ 1,600 บาท
Tips: ก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากทางออนไลน์โดยเฉพาะเสื้อผ้า อย่าลืมวัดไซส์ของตัวเองอย่างละเอียดว่าพอดีกับชุดหรือไม่นะคะ เพราะบางร้านซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยนคืน จากนั้นตรวจสอบวันรับของกับร้านให้ดี ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเสียเงินและเสียเวลาโดยใช่เหตุค่ะ
หลังจากที่ออเดอร์ชุดเรียบร้อย เวลาที่เหลือก็เอาไปเตรียมอย่างอื่น มู่เลือกรองเท้าคัดชูสีดำสูงประมาณ 3 นิ้วครึ่ง เดินสะดวกและสูงกำลังดีเอาไว้ในใจ ก่อนออกเดินทางตามหารองเท้าจากห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง เริ่มต้นด้วยสยามพารากอน เจอรองเท้าสีดำหัวเปิด จาก Nine West ราคา 5,500 บาท สวยและใส่สบาย แต่ราคาเกินงบค่ะ เลยจำใจต้องเดินเลยไป จากนั้นก็ไม่มีรองเท้าแบบที่อยากได้ เดินไปเดินมาจนสุดท้ายไปได้รองเท้าจาก Charles & Keith รูปร่างคล้ายของ NINE WEST เป๊ะ แต่มีแถบสีทองที่ส้นรองเท้าให้พอดูเก๋ ราคาประมาณ 1,600 บาท ถึงแม้ว่าใส่ไม่สบายเท้าเท่าของอีกแบรนด์แต่ก็ต้องถือว่าสบายคุ้มค่าในราคานี้ เป็นอันว่าได้รองเท้าที่อยากได้จากสยามเซ็นเตอร์นั่นเอง
จบจากรองเท้าก็ต้องเป็นเครื่องประดับ มู่ไม่เน้นเครื่องประดับมากเพราะชุดมีลวดลายเยอะแล้ว เลยให้ความสำคัญกับของแค่ไม่กี่อย่างคือต่างหูจาก H&M ที่ซื้อเป็นแผงมา เลือกใช้ที่เป็นดอกกุหลาบสีทองขนาดเท่าลูกตาดำ เพื่อที่เวลาใส่จะได้ไม่กลืนหายไปจากรูปหน้า อย่างที่ 2 เป็นกำไลเรซิ่นชุบทองยืดได้ซื้อมาจากตลาดสยามตอนกลางคืนข้างในเป็นรูปดอกกุหลาบเช่นกัน และอย่างสุดท้ายคือดอกกุหลาบปลอมสีแดงขนาดหนึ่งกำปั้นจากร้านขายดอกไม้ปลอมที่เจเจ นำมาตัดก้านแล้วเสียบกิ๊บดำเข้าไปก็จะได้กิ๊บดอกกุหลาบแล้วค่ะ
เป็นอันว่าจบขั้นตอนการเลือกชุดเท่านี้ ที่เหลือก็ต้องเอามาผนวกกับการแต่งหน้าและทำผม มู่เลือกแต่งหน้าเองเพราะไม่มั่นใจว่าจะไปร้านไหนหรือหาพี่ๆ ช่างแต่งหน้าคนใดดีที่สำคัญงานเช้ามาก ถ้าจะต้องตื่นมาเพื่อไปร้านทำผมก็คงไม่ไหว ดังนั้นเลยต้องทำผมเองไปโดยปริยาย มู่เลือกแต่งหน้าให้ดูใสๆ เพราะไม่อยากจะแข่งขันกับสีชุด แต่ให้ปากแดง(เป็นความชอบส่วนตัว) เพราะจะได้เข้ากับลายกุหลาบบนชุดด้วย ส่วนผมก็มวยเรียบๆ พอให้ติดดอกไม้ได้(จะได้ไม่ดูเยอะเกินไป) ส่วนเทคนิคขอยกยอดไปบอกกันครั้งหน้านะคะ
ใครมีคำถามสามารถส่งเข้ามาติ-ชมได้ที่ www.facebook.com/Mumuustory ยินดีที่จะได้แชร์ประสบการ์กับทุกท่านค่ะ