หน้าร้อนใกล้เข้ามาทุกทีแล้วค่ะ อย่างแรกสำหรับหน้าร้อน(บ้านเรา) ทำให้นึกถึงแสงแดดจ้าที่บางครั้งก็จ้าจนไม่อยากจะออกไปไหน ทั้งๆ ที่ควรจะออกไปนอนตีพุงริมชายหาด หรือเล่นน้ำสงกรานต์อย่างเย็นกายสบายใจ จริงๆ แล้วสำหรับผู้หญิงไทยไม่ว่าฤดูไหนก็ควรต้องใส่ใจเรื่องแสงแดดให้มาก เพราะแสงแดดเป็นต้นตอของปัญหาหลายๆ อย่างที่สาวๆ ไม่อยากพบเจอกันนั่นเองค่ะ ทั้ง ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่สำคัญคือ “ริ้วรอย” ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้มีแน่

รู้จักกับแสงแดด

สิ่งแรกในแสงที่เราโดนกันอยู่ทุกวี่วันคือ รังสี (ขอพูดถึงเฉพาะตัวที่สร้างปัญหาให้กับสาวๆ นั่นก็คือ UVA และUVB นะคะ) จำได้ง่ายๆ เลยสำหรับผลที่จะเกิดขึ้นจากรังสี 2 ตัวนี้ UVA (A=Aging) เพราะฉะนั้นรังสีตัวนี้ทำให้เกิดริ้วรอย ส่วน UVB (B=Burning) ออกอาการไหม้แดด ผิวหนังลอกนั่นเองค่ะ สมัยนี้แพทย์บางท่านยังพูดถึง UVC ซึ่ง C ที่ว่านี้ก็คือ CANCER มะเร็งผิวหนังค่ะ เห็นไหมคะว่าแสงแดดสมัยนี้อันตรายกว่าที่คิด

ดูแลตัวเองให้พ้นจากแสงแดด

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับตัวเอง เพราะเป็นคนชอบความสบาย เสื้อผ้าก็ขอใส่แบบเบาสบาย ดังนั้นสกินแคร์หรือเมคอัพก็คล้ายกัน สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดคือ “ครีมกันแดด” เพราะเวลาทาไปแล้วเหนียวเหนอะหนะจนบางครั้งรำคาญทนไม่ได้ต้องไปล้างออกบ่อยไป แต่พออายุมากขึ้นริ้วรอยมาเยี่ยมเยียนก็รู้ตัวว่าตามใจตัวเองต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว

เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ฟัง ผศ.พญ. ชนิษฏา วงษ์ประภารัตน์ (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง ภาคจิตวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล) ให้ความรู้เรื่องการเลือกครีมกันแดดอย่างถูกวิธีในงาน HIGHLY PROTECT perfectly touch  วันนี้ก็เลยจะหยิบเอาประเด็นที่เพื่อนๆ (ในเพจ) สนใจมาเล่าสู่กันฟัง

การดูแลตัวเองให้พ้นจากแสงแดดจริงๆ แล้วมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่เบสิกเลยคือ “การทาครีมกันแดด” ซึ่งเชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายๆ ท่านก็คงทาเป็นประจำอยู่แล้ว หรือบางท่านอาจจะทาเป็นส่วนๆ เช่นทาแต่หน้าลืมทาตัว แต่รู้กันหรือไม่คะว่าปริมาณที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพพอจะป้องกันแสงแดดได้จริงๆ ต้องใช้เท่าไหร่? การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับตัวเราเองต้องเลือกแบบไหน? วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ

ตอนนี้ถ้าเดินเข้าไปที่ห้างสรรพสินค้า รับรองว่ามีครีมกันแดดมากมายให้เลือกแบบละลานตาเลยล่ะค่ะ แต่ก่อนที่คุณผู้อ่านจะไปเลือกครีมกันแดดสักตัวหนึ่งมาเป็นผู้พิทักษ์ผิวของคุณ มีข้อมูลบางอย่างที่ควรจะต้องรู้ก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ

3 องครักษ์ปกป้องคุณจากแสงแดด
สรรพคุณบนฉลาก

SPF (Sun Protection Factor)ใครว่ายิ่งเยอะยิ่งดี ทุกวันนี้มีหลายคนที่เลือกซื้อครีมกันแดดจากแค่การดูค่า SPF สูงๆ แถมแบรนด์ต่างๆ ก็ส่งครีมกันแดดที่มี SPH สูงๆ มาให้ได้เลือกใช้ SPF 100 ก็มี จริงๆ แล้ว สิ่งที่คุณหมอแนะนำคือการเลือกใช้ครีม SPF50+ เพียงพอแล้วค่ะ เพราะความสามารถในการปกป้องแสงแดดของ SPF ตั้งแต่ 50 -100 นั้นไม่ห่างกันมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเปลืองสตางค์ในกระเป๋าเพื่อ SPF สูงเกินความจำเป็นค่ะ	เลือก SPF ให้เหมาะกับกรพบเจอแสงแดด หากคุณเป็นคนที่ออกแดดบ่อยควรใช้ SPF 30-50
PPD (Persistant Pigment Darkening) ค่ามาตรฐานจากยุโรปเป็นตัวบ่งบอกประสิทธิภาพของการป้องกัน UVA ในสารกันแดดค่ะ คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดว่าครีมกันแดดที่ดี ค่า PPD เมื่อนำไปหารกับ SPF แล้วควรได้ค่าประมาณ 3 แต่หากไม่รู้ค่า PPD ที่แน่ชัด ให้สังเกตส่วนผสมต่อไปนี้ Mexoryl XL, Tinosorb, Titanium Dioxide, Zine Oxide, Avobenzone และ Oxybenzone เพราะเป็นส่วนผสมที่กันรังสี UVA ได้ดีค่ะ	UVA ที่อยู่ในวงกลมซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นสามารถป้องกัน UVA ได้ดี
PA (Protection UVA Class)ค่ามาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อแสดงประสิทธิภาพการปกป้องผิว จากอันตรายของรังสี UVA ที่ส่งผลโดยตรงกับคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวคล้ำ แดง หย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ค่ะ โดยการระบุค่า PA ถ้ามี จำนวน + มาก แสดงถึงประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องผิวจากรังสี UVA	PA+++ คือประสิทธิภาพสูงสุด ในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ค่ะ

เอาล่ะค่ะ รวบรวมสิ่งน่ารู้เกี่ยวกับครีมกันแดดมาให้เพื่อนๆ ได้ทำความเข้าใจก่อนที่จะเลือกซื้อครีมกันแดดไปแล้ว หากใครที่อยากรู้เพิ่มเติมสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ค่ะที่ www.facebook.com/Mumuustory 

ครั้งหน้าเรามาพูดถึงเรื่องวิธีเลือกครีมกันแดดกันค่ะ ใครสนใจคลิกที่นี่ได้เลย