อดีตยุคใหม่-Workshop สุดเก๋ เจริญสติด้วยการพับกลีบบัว

้านึกย้อนไปตอนซัก 20-30 ปี เด็กๆ อย่างเราก็คงเคยพับกลีบบัวถวายพระกันทุกคน ในตอนนั้น เราคงไม่ได้รู้สึกว่ามันดีหรืออะไร เรารู้สึกแค่สนุกกับการได้ลองสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างตามผู้ใหญ่เท่านั้น ถามว่า ตอนนั้นเราเข้าถึงพระธรรมหรอ คำตอบคือ เปล่าหรอก เราแค่ลอง

ตัดกลับมาที่ปี 2559 เราอายุเข้าหลักเลข 3 เรากำลังมีช่วงชีวิตที่วุ่นวาย ทั้งการเริ่มต้นและการปกป้องเริ่มขึ้นในปีนี้ปีที่เราจะต้องเริ่มต้นสร้างตัวเองให้แข็งแรงเพื่อที่จะได้เริ่มต้นดูแลปกป้องตัวเองและที่สำคัญ ‘ครอบครัว’ ของเราทั้งที่มีอยู่แล้วและที่กำลังจะเพิ่มขึ้นมาในอนาคต

wp-image-373371953jpg.jpg

มีหลายเรื่องที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว มีหลายเรื่องที่คิดยังไงก็ไม่ตกสักที ความคิดที่ขดอยู่ในหัวตอนนี้คงคล้ายกับก้อนไหมพรมที่ขดอยู่อย่างยุ่งเหยิงไม่มีระเบียบ น่าแปลกที่ปัญหาของคนอื่นเราสามารถแก้ไขมันได้สบายๆ แต่พอเป็นปัญหาของตัวเองทีไรกลับแก้ยากทุกที

สุดท้าย เมื่อชีวิตวิ่งเร็วเกินไป ก็เลยต้องหาวิธีดึงตัวเองออกมาจากกระแสปัญหาที่ไหลเชี่ยวนั้น การโหยหาอะไรที่มันนิ่งๆ บ้างก็เลยเกิดขึ้น และก็ต้องขอบคุณ Facebook ที่ suggest กิจกรรมนี้ขึ้นมาในช่วงเวลาที่ต้องการที่สุด พอตัดสินใจว่าจะทำแล้วอะไรก็ไม่ยาก เรา copy ลิ้งค์ส่งให้น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ครั้งตั้งแต่คุยกันไว้ ว่าจะไปจัดดอกไม้ด้วยกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก รู้ตัวอีกทีก็กดสมัครไปเรียบร้อยแล้ว

ตัดภาพมาในวันนี้ 25-9-2559 เรายืนอยู่หน้าร้านชาปัญญา ร้านชาที่อยากมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มาเพราะว่าไกลจากบ้านเหลือเกิน เมื่อเดินเข้าไป ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือความประหม่าของคนแปลกที่ แปลกหน้า ความไม่คุ้นเคยเหมือนเพื่อนคนแรกที่วิ่งเข้ามาทักทายกัน เราไปลงทะเบียน เลือกที่นั่งตรงกลางตามประสาคนที่ตั้งใจมาก(ที่จริงแล้วด้านข้างทั้งซ้ายและขวามีคนจับจองจนเต้มแล้วมากกว่า)

เจ้าของร้านนำชาอู่หลงผสมโสมมาเสิร์ฟ ชาที่นี่หอมมาก มีรสหวานติดลิ้น ทานคู่กับเค้กแครอท พอช่วยบรรเทาความแปลกที่ได้ดีทีเดียว ซักพักน้องไหมผู้ร่วมอุดมการณ์ก็ตามมา ก่อนเริ่มเรียนสิ่งที่คิดว่าจะเกิดขึ้นคือคลาสของการพูดเรื่องการเจริญสติแบบพระเทศนา และเราก็ไม่มั่นใจว่า ณ จุดนั้นจะเกิดอาการสัปหงกหรือเปล่า แต่พอคลาสเริ่ม ความคิดต่างๆ ก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เราทำหลักๆ ก็คือ ‘การพับดอกบัว’ ใช่ค่ะ แค่พับดอกบัว พับในวิถีและวิธีที่แตกต่างกัน โดยมีการไกด์โดยครูนุ้ยผู้สอนในวันนี้

การพับดอกบัวครั้งนี้เรียกว่าเป็นครั้งแรกของการพับแบบจริงจังที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต ถ้าไม่นับการหยิบจับเด็ดกลีบที่ไม่สวยบ้างนิดหน่อยที่เคยเกิดขึ้น นี่เป็นการขลุกตัวอยุ่กับดอกบัวแบบจริงจังครั้งแรกในชีวิต ทางร้านแจกดอกบัวให้ผู้เข้าร่วมคนละ 5 ดอกเพื่อให้พับตามคำสอนของครูนุ้ย ไม่นานดอกบัวแต่ละดอกก็กลายสภาพเป็นดอกไม้ต่างๆ

ดอกบัวที่กลายเป็นดอกกุหลาบ

ดอกบัวที่กลายเป็นดอกเบญจมาส

และดอกบัวที่กลายเป็นธรรมจักร

ระหว่างการพับดอกไม้ สิ่งที่เราเห็นเปลี่ยนไป ปกติแล้ว เราเป็นคนที่ต้องทำอะไรหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน เรามักจะคาดหวังและถูกคาดหวังอย่างสูงด้วยความกดดันของหน้าที่การงาน แต่ครั้งนี้เท่านั้นที่ต่างไป เรารู้สึกว่าเราสามารถละทิ้งความคาดหวังความเฟอร์เฟ็ค เราไม่รู้สึกอะไร เราแค่ทำตามและจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ทำไม่ได้ก็ถามพี่ข้างๆ สอนน้องไหมที่มาพับดอกบัวเป็นครั้งแรกด้วยกันบ้าง มันดูเป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆ แต่แปลกที่ความไม่มีอะไรกลับทำให้จิตใตสงบและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

bua02

เมื่อเรียนเสร็จครูนุ้ยให้ทุกคนในคลาสพูดถึงเรื่องของคุณค่าที่แต่ละคนได้รับ ซึ่งแปลกดี ที่ในคลาสเรียน คลาสเดียวกัน  15 คนที่มาได้คุณค่ากลับไปไม่เหมือนกัน

บางคนได้คุณค่าของการใช้ชีวิตกับลูกสาวตัวน้อย

บางคนได้รู้จักตัวเองและมิตรภาพระยะสั้นที่เกิดจากคนแปลกหน้า

บางคนได้ความสุขจากการปล่อยให้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

และบางคนได้หยุดมองจิตใจตัวเองในสภาวะที่แตกต่างกันไป

ความประหม่าจากคนแปลกหน้าที่เคยได้รับในตอนแรกนั้นหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และสิ่งที่ทุกคนได้กลับไปเหมือนๆ กันในวันนี้คือ พลังบวก ที่ส่งผ่านจากกันและกัน ส่งต่อสู่กันและกัน

 

เวิร์คชอปนี้คงเป็นทางเลือกของคนยุคใหม่ที่โหยหาอดีตที่เลือนลางบางอย่าง รวมถึงการพาเด็กๆ ให้ใกล้ชิดกับธรรมะมากยิ่งขึ้นโดยที่เข้าไม่รู้สึกเบื่อ บางทีเด็กๆ อาจจะอยากวิ่งเล่นบนพื้นที่แห่งความสุขแบบนี้มากกว่าห้างสรรพสินค้า อาจจะชอบการได้ชื่นชมธรรมชาติมากกว่าของเล่นก็เป็นได้ค่ะ

หวังว่าการเดินทางในครั้งนี้คงเป็นอีกทางเลือกแห่งความสุขของคนเมืองนะคะ

สถานที่ ชาปัญญา

MUMUUSTORY

Instagram: mumuustory

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.