ขนมไทยอร่อยๆ สมัยนี้หาทานยากจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะขนมมงคลของไทยที่เดี๋ยวนี้แทบไม่มีให้เห็นแล้วตามท้องตลาด(หรือว่าไม่เคยได้ไปเดินเห็นว่าในตลาดเค้าขายอะไรกันบ้าง ฮา…) เอาจริงๆ มู่คิดว่า เด็กไทยสมัยนี้อาจจะไม่รู้จักขนมไทยที่มู่กำลังจะพูดถึงก็เป็นได้ ขนาดตัวเองจะเขียนบล็อกนี้ยังต้องไปเสิร์ชหาข้อมูลมาอีกทีเลย

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่มู่ได้ย้ายตัวอ้วนๆ ออกไปเดินอุ้ยอ้ายกลางแสงแดดหลังจากที่ไม่ได้ออกไปเดินข้างนอกนานจนนับไม่ได้ ด้วยข้ออ้างที่ว่าอากาศสมัยนี้มันร้อนเกินไป แล้วแดดก็จะทำให้ผิวเสียซึ่งจะทำให้ผิวที่ไม่ได้ดีอยู่แล้วยิ่งเสียเข้าไปอีก แต่พอนานเข้าความคิดก็เลยวนกลับไปที่ว่า ชีวิตมีครั้งเดียวเดี๋ยวตายไปก็จำไม่ได้แล้วว่าผิวจะเหี่ยวแค่ไหน เมื่อตัดสินใจได้ก็เบิ่งรถจากบ้านออกเดินทางโดยทันที

ใช้เวลาจากบ้านแถวบางหว้าผ่านเส้นราชพฤกษ์มาแค่เพียง 30 นาทีก็ถึงวันสนามเหนือแล้วค่ะ ใครที่ขับรถมาให้มาจอดรถที่วัดจากนั้นจึงนั่งเรือข้ามฟากเพื่อข้ามไปยังเกาะเกร็ดนะคะ ส่วนใครที่จะ Search หาเส้นทางไปก็เสิร์ชว่า ‘วัดสนามเหนือ’ เลยค่ะ เพราะหากใครไปเสิร์ชหาเกาะเกร็ด Google map จะไม่คำนวน route ให้เพราะว่าไม่มีเส้นทางรถยนต์ไปยังเกาะเกร็ดนั่นเองค่ะ

ทริปนี้สิ่งที่ประทับใจกลับกลายเป็นขนมไทยที่หากินยาก อย่างขนมทองเอก, ขนมจ่ามงกุฏ และขนมเสน่ห์จันทร์ค่ะ นอกจากอร่อยแล้ว หน้าตาก็ดูสวยงามดีค่ะ ใครที่ไม่เคยรู้จักขนมสองชนิดนี้ลองมาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันนะคะ

ขนมทองเอก เป็นขนมในตระกูลทองอีกชนิดหนึ่งที่ต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งในทุกขั้นตอนการทำ มีลักษณะที่สง่างามโดดเด่นกว่าขนมตระกูลทองชนิดอื่นๆ ตรงที่มีทองคำเปลวติดไว้ที่ด้านบนของขนม คำว่า ‘เอก’ หมายความถึง การเป็นที่หนึ่ง การใช้ขนมทองเอกประกอบพิธีมงคลสำคัญต่างๆ หรือใช้มอบเป็นของขวัญในงานฉลองการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จึงเปรียบเสมือนคำอวยพรให้เป็นที่หนึ่งด้วย

จ่ามงกุฏ เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่สำคัญจริงๆ คำว่า ‘จ่ามงกุฎ’ หมายถึง การเป็นหัวหน้าสูงสุด แสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถือเป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การ งานยิ่งๆ ขึ้นไป

เสน่ห์จันทร์ จริงๆ แล้วเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีผลสุกสีเหลืองเปล่งปลั่ง ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหล คนโบราณจึงนำความมีเสน่ห์ของผลจันทร์มาประยุกต์ทำเป็นขนม และได้นำ ‘ผลจันทร์ป่น’ มาเป็นส่วนผสม ทำให้มีกลิ่นหอมเหมือนผลจันทร์ ให้ชื่อว่า ‘ขนมเสน่ห์จันทร์’ โดยเชื่อว่า คำว่าเสน่ห์จันทร์เป็นคำที่มีสิริมงคล จะทำให้มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทร์ ขนมเสน่ห์จันทร์จึงถูกนำมาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส

หน้าตาก็ดี รสชาติก็อร่อย คนไทยสมัยก่อนนี่เก่งจริงๆ