ถ้ากลัวโดนด่า ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องไปไหนกัน

บางครั้งชีวิตเราก็ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกมากมายที่ไม่ได้เริ่มต้นจาก ‘ความสุข’

ย้อนกลับไปตอนทำงานที่แรก เราเป็นพนักงานธรรมดาๆ เลเวลจูเนียร์แบบสุดๆ เข้ามาทำงานโดยไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย ต้องทำงานตามขั้นตอนยังไง ต้องเข้าหาผู้คนยังไง เรื่องแบบนี้มันเคยมีสอนกันในชีวิตมหา’ลัยเสียเมื่อไหร่ ยิ่งยากเข้าไปอีกหากว่างานที่คิดแล้วว่าไม่น่ายากกลับเพิ่มดีกรีความโหดด้วยไทม์ไลน์อันบีบคั้น

น้องเล็กของทีมทำงานโดยไม่ได้มีสิทธ์เลือกอยู่แล้วว่าจะโดนอะไร เค้าให้ทำอะไรมาก็ต้องทำ พอมีการโยกย้ายงานกันในทีม ซึ่งเราโดนต่องานจากพี่ในทีมอีกคน ด้วยความไม่รู้ ก็เลยไม่เริ่มต้นทำอะไรซักที ได้แต่ไปถามพี่เจ้าของงานคนเก่าว่า ‘พี่คะ ถ้าจะให้หนูเริ่มทำอะไรก็บอกนะคะ’ แล้วก็นั่งเป็นลูกนกในรังรอแม่นกมาป้อนงาน

จนวันหนึ่งหัวหน้าก็เรียกเข้าห้อง ‘เธอรู้ตัวไหม? ว่าเธอขาดความรับผิดชอบงานนะ ทำงานมาหลายเดือนแล้วทำไมถึงยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ถ้าเป็นแบบนี้พี่คงต้องขอให้เธอพิจารณาตัวเองนะ’ ถ้าไม่ได้โง่… ก็คงรู้ว่าพี่เค้าหมายถึงอะไร บรรยากาศการคุยวันนั้นเป็นวันที่เราจดจำได้ดี เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราสูญเสียความมั่นใจไปหมด 100% ที่เราเคยคิดว่าเราทำงานดีมาก ไม่เคยขาดตกบกพร่อง เลือนหายไปหมด สุดท้ายวันนั้นได้แต่กลับบ้านไประบายความอึดอัดใจกับแม่ทั้งน้ำตา

 

คำถาม ถ้าวันนั้นคุณเป็นเรา แล้วคุณจะทำอย่างไร ระหว่างยอมแพ้เมื่อเค้าไม่เห็นค่าก็ลาออกแล้วไปหาที่ใหม่ซะ หรือถอยมาตั้งหลักแล้วกลับไปสู้ใหม่ ทำให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นแบบที่เค้าว่านะ

 

ค่ะ…เรากลั้นใจกลับไปทำงานทั้งๆ ที่รู้สึกโกรธเต็มอก โดยมีเป้าหมายใหม่ในชีวิตว่าพี่เค้าจะต้องมองเห็นเราในอีกมุมหนึ่งให้ได้ เริ่มต้นจากการ REPORT… ใช่ค่ะ การรีพอร์ต ในเมื่อเจ้านายไม่รู้ว่าเราทำอะไรบ้างๆ วันๆ ต่อให้เราตีอกชกหัวเจ้านายก็ไม่มารู้กับเราอยู่ดีค่ะว่าเราทำอะไร ดังนั้นอยากให้รู้ก็บอกไปเลยค่ะ เราใช้วิธีการสรุปเป็นเมลสั้นๆ ทุกเย็นก่อนกลับบ้านว่าวันนี้เราทำงานอะไรมาบ้าง ทั้งตัวงาน รายละเอียดและถ้าสามารถมี Link ได้ยิ่งดี หลังจากนั้นมู่ส่งทุกวัน พร้อมกับ Combo เย็นวันศุกร์ด้วยการสรุปรวมว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเราทำอะไรไปบ้าง หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

เรียน พี่….

หนูทำสรุปงานของวันที่ …./…./…. มาให้พี่เช็คก่อนค่ะ หากมีตรงไหนต้องแก้ไขสามารถแจ้งได้เลยค่ะ
1.  เรื่อง
Link
2. เรื่อง
Link

สุดท้ายพี่คนเดิมเดินมาบอกเราว่า ‘หนูไม่ต้องส่งมาและ เมลพี่จะเต็มแล้ว พี่เห็นแล้วว่าวันๆ หนูทำอะไรบ้าง’ เรียกว่าจุดพลุฉลองได้เลย เพราะสรุปแล้วประเมินรอบนั้น เราก็ได้ A มานอนกอดสมใจ ไม่ต้องกลับไปฟูมฟาย 3 วัน 8 คืนให้แม่ฟังอีกแล้ว

ถ้าวันนั้นเราเลือกที่จะเดินหนีออกมา เราก็จะกลายเป็นคนที่หนีปัญหา ถ้าวันนั้นเรากลัวการโดนวิพากษ์วิจารณ์ เราคงเป็นได้แค่เด็กที่เหยียบขึ้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่แก้ไข ไม่พัฒนาตัวเอง อยากบอกทุกคนว่า จงคิดว่า ‘โชคดี’ ที่ยังมีคนคอยบอกว่าคุณดูเป็นอย่างไรในสายตาของเขา เพราะพวกเขาคือกระจกชั้นเยี่ยมที่จะบอกว่าจุดไหนในตัวของคุณที่ยังไม่ดีพอและสามารถปรับแก้มันได้ ที่สำคัญต้องอย่าลืมแก้ไขก่อนสายเกินไปด้วยนะคะ

MUMUUSTORY

Instagram: mumuustory

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.