บันทึกคุณแม่มือใหม่: ทำยังไงเมื่อลูกชาย Overfeeding

างครั้งก็อยากจะบ่นจริงๆ ค่ะ ว่าเลี้ยงลูกสักคนนี่ทำไมมันยากจัง?! กินน้อยไปก็ไม่ดี กินมากไปก็ปัญหาใหญ่

อลันตอนนี้ 1 เดือนกว่าๆ แล้วค่ะ ช่วงแรกๆ ที่คลอด อลันเป็นเด็กกินน้อยมาก ไม่เข้าเต้าและเอาแต่นอน น้ำหนักจากแรกคลอดที่ 3,105 ก็เลยตกลงมาเหลือเพียง 2,800 ในเวลาไม่ถึง 10 วัน แถมไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นมาเลย พอกลับบ้านมาก็ทำพ่อและแม่เครียดเพราะการไม่ยอมเข้าเต้าอีก สุดท้ายเลยต้องให้นมด้วยขวดนมประทังชีวิต(อลัน)ไปเพราะพ่อแม่เอาไอ้ตัวแสบกินนมไม่ได้จริงๆ

จากเด็กผอมเป็นเด็กอ้วน
หลังจากให้ขวดไป น้ำหนักอลันก็เริ่มเพิ่มขึ้นมาแต่อลันกลายเป็นเด็กเลี้ยงยาก โยเย ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ทุกครั้งที่ร้องก็จะร้องจนหน้าแดงเสียงแหบ ทำเอาพ่อกับแม่กังวลเพิ่มขึ้นไปอีก จน 1 เดือนกับอีก 7 วันอลันร้องหนักมากจนสุดท้ายเลยพาไปหาคุณหมอ ปรากฏว่าน้ำหนักที่เคยตกเกณฑ์ปกติ เพิ่มมาเป็น 4,950 ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ คุณหมอถึงกับตกใจว่าทำไมถึงขึ้นเร็วขนาดนี้
หลังจากสอบถามอาการกันไปมา ก็สรุปได้ว่าอลันจากเดิมที่เป็นเด็กชอบนอน กินไม่เก่ง พอผ่าน 2 อาทิตย์แรกไปก็กลายเป็นเด็กร้องโยเย พอร้องแม่ก็นึกว่าหิว ก็ให้กิน พอน้องตื่นทุกชั่วโมง อิแม่ก็จัดนมให้ลูกทุกครั้งที่ตื่นเพราะเข้าใจว่าลูกร้องเพราะหิวนม ลูกที่ยังไม่รู้จักคำว่าอิ่มก็ซัดไปตามใจแม่ ขวดแหย่เข้าปากทีไรก็ดูดจ๊วบๆ จนหมดทุกครั้ง กลายเป็นเด็ก 4 สัปดาห์กินนมครั้งละ 3 ออนซ์ทุก 1 ชั่วโมง ขุนพระ!

โคลิก VS ท้องอืด
ความเข้าใจผิดที่พ่อแม่มือใหม่อาจไม่รู้

ที่บอกว่าอลันร้องโยเยนั้น เรียกว่าร้องตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ค่ะ ตอนแรกเข้าใจว่าน้องอาจเป็นโคลิกเพราะร้องหนักมาก แต่พอศึกษาข้อมูลดีๆ นั้น โคลิกมักจะเป็นการร้องแบบที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนดค่ะ คือร้องเวลาเดิมๆ ซ้ำทุกๆ วัน โดยที่คุณแม่ที่ได้ลูกชายท้องแรกนั้นจะมีโอกาสเป็นโคลิกได้มากเป็นพิเศษค่ะ และที่สำคัญน้องที่เป็นโคลิกจะร้องแบบไม่เอาอะไรเลย คือไม่กิน ไม่นอน และที่สำคัญคือไม่หยุดร้อง!!!

กลับมาที่อลัน…แล้วการร้องแบบไม่หยุดของนางคืออะไร ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นได้ว่าการที่น้องกินนม ครั้งละ 3 ออนซ์ทุก 1 ชั่วโมง โดยการใช้ขวดนี่แหละค่ะ ‘ปัญหาหลัก’ เพราะการกินขวดจะทำให้มีลมเข้าไปในท้องเยอะ แม้ว่าจะจับเรอแล้วก็ยากที่จะทำให้ลมออกมาจนหมดค่ะ ตอนไปตรวจอลันท้องป่องเหมือนท้องกบเลยค่ะ ร้องไห้งอแงไม่หยุด สุดท้ายคุณหมอเลยให้ Air-X drop กลับมาทานไล่ลมและให้ปรับเปลี่ยนวิธีการให้นมค่ะ

ปรับสมดุลการกินนม
พอน้ำหนักตัวเกินมากๆ สิ่งที่คุณหมอแนะนำให้ทำอย่างแรกก็คือการปรับ cycle การทานนมของน้องให้กลับมาเป็นปกติให้ได้ก่อน เพราะเมื่อปรับสิ่งนี้ได้ จำนวนน้ำนมที่มากเกินความจำเป็นหรืออาการปวดท้องที่ทำให้น้องร้องไห้งอแงไม่หยุดก็จะหายไปตามกัน วันแรกสิ่งที่พ่อกับแม่ทำคือพยายามให้น้องนอนนานที่สุดและใจแข็งไม่ยอมให้นางกินจนกว่าจะถึงเวลา ลดปริมาณนมจาก 3 ออนซ์เหลือ 2 ออนซ์ วันแรกน้องร้องไห้แรงมากอยู่ 2 ชั่วโมงเต็มๆ พ่อกับแม่ก็พาขึ้นรถขับวนไป 2 ชั่วโมง(อลันชอบหลับสนิทตอนอยู่บนรถ) กว่าจะยอมหลับทำเอาพ่อกับแม่จะแย่ตามไปด้วย แต่เพื่อสุขภาพของน้องเองก็ต้องใจแข็งค่ะ พอเริ่มปรับรอบแรกได้ รอบถัดๆ มาก็เริ่มดีขึ้นจาก ทุกชั่วโมงเป็นทุกชั่วโมงครึ่ง และเป็นทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

เปลี่ยนขวดเป็นเต้า แก้ปัญหาลูกเจ้าอารมณ์

แก้ปัญหาเรื่องกินถี่ทุกชั่วโมงได้แล้ว 1 เปราะ อีกเปราะนึงคือเรื่องของการร้องไห้แรง โยเยดูคล้ายเด็กเจ้าอารมณ์ ร้องไห้ทุกครั้งเสียงดังไปแปดบ้านสิบบ้าน ร้องจนหน้าแดงหน้าดำจนทั้งแม่และพ่อแอบสงสารและเป็นกังวลไม่น้อยค่ะ คุณหมอแนะนำให้เปลี่ยนจากกินขวดมากินเต้าแทน เริ่มเป็นปัญหาแล้ว เพราะลูกกินขวดมาตลอดเวลาเข้าเต้าก็มักจะดูดไม่นานแล้วก็หลับ แม่ก็กลัวว่าลูกจะน้ำหนักตกฮวบ แต่ไหนๆ คุณหมอบอกแล้วเราก็ต้องเชื่อหมอ

จัดไปค่ะ…เปลี่ยนจากขวดเป็นเต้าในเช้าวันนั้นเลย วันแรกๆ น้องดูดไม่กี่จ๊วบก็หลับตามคาด แต่พอวันต่อๆ มาเหมือนเค้าจะเริ่มชินกับการกินเต้ามากขึ้น โชคดีของมู่อยู่หน่อยนึงตรงที่ว่าก่อนที่จะเปลี่ยนก็พยายามให้เค้าเข้าเต้าอยู่แล้ว ก็จะใช้วิธีสลับมื้อ มื้อไหนกินขวดก็กินไป แล้วก็สลับบางมื้อมาให้เต้า(ขนาดกินเต้าไม่เก่งแล้ว น้ำหนักยังเกินเลยค่า) พอเปลี่ยนมาเป็นเต้าทุกมื้อเลยไม่ค่อยมีปัญหาที่น้องไม่เอาเต้าเพราะฝึกกันมาเรื่อยๆ อยู่ระยะนึงแล้ว

การที่อลันเปลี่ยนมาทานนมจากเต้านอกจากจะทำให้ปริมาณนมที่ทานไม่เยอะเกินไปแล้ว สิ่งที่ได้จากการดูดนมจากเต้าแทนขวดคือ อลันเป็นเด็กอารมณ์ดีมากขึ้น ไม่ร้องโยเยเหมือนแต่ก่อน หลับง่าย และที่สำคัญไม่ร้องไห้จ๊ากให้พ่อกับแม่ตกใจเล่นอีกแล้ว

อารมณ์ดีขึ้น พัฒนาการดีขึ้น
อย่างที่บอกว่าพอน้องอารมณ์ดีขึ้น ไม่ร้องไห้ตลอดเวลา นอนหลับดี ทานนมเก่งขึ้น(อย่างเหมาะสม) ก็ทำให้เวลาที่น้องตื่นมามองนั่นนี่ก็จะมีการยิ้ม หัวเราะซึ่งก่อนหน้านี้คือไม่มีเลย(เพราะมัวแต่ร้องไห้อยู่อย่างเดียว) นอกจากนี้น้องก็เริ่มพูดอ้อๆแอ้ๆ ได้บ้างนิดหน่อย ซึ่งก็สร้างรอยยิ้มให้พ่อกับแม่ได้มากทีเดียวค่ะ

หากใครที่กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกันอยู่ ลองปรึกษาคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ตรงจุดหรือลองเอาวิธีที่มู่ใช้ไปลองทำดูก็ได้ค่ะ การได้เห็นลูกน้อยของเราอารมณ์ดี มีพัฒนาการที่ดีก็เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่แล้ว แต่เพราะเด็กทารกยังสื่อสารไม่ได้ พ่อแม่มือใหม่อย่างเราๆ ก็ต้องคอยสังเกตและเรียนรู้กันไปนะคะ เป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคนค่ะ

Muu Olanwanichkun

Instagram: mumuustory email me at nichnasa@dsignsomething.com

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.