ครบรอบ 1 ปีที่พ่อของฉันจากไปแล้ว ความรู้สึกทุกวันนี้มันเหมือนฝันไป เหมือนเวลาเราลูบผิวโดนก็จะรู้สึกว่ามีรอยจางๆ ที่ตรงนั้นเคยเป็นแผลแต่มันกลับไม่เจ็บปวดอีกต่อไป
ฉันยังจำได้ดีว่าเมื่อตอนที่เผาป๊าแล้ว เราอยากมีของที่ป๊าใช้ติดตัวมาเก็บไว้เวลาที่คิดถึง แต่ก็มีเหตุให้ไม่ได้ของที่อยากได้ ตอนนั้นฉันก็รู้สึกเสียใจมากอยู่เหมือนกันเพราะเหมือนคนที่ผูกพันธ์ไม่อยู่แถมเวลาคิดถึงก็ได้แต่นึกเอาในจินตนาการ จนเมื่อเวลาผ่านไปฉันเลยรู้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดของป๊าอยู่กับฉันมานานมากๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะมัน ‘มีมูลค่า’ แต่เพราะมัน ‘มีคุณค่า’ มากกว่าราคาค่าางวดของสิ่งของ แต่ฉันกลับลืมมันไปซะสนิทอาจจะเพราะมันอยู่ติดตัวฉันมานาน นานจนบางทีก็ลืมว่ามีมันอยู่ตรงนั้น
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 – 40 ปีที่แล้ว สมัยที่คนยังตัดเสื้อผ้าขาย และยังไม่มีห้างใหญ่ๆ อย่างพารากอน หรือไอคอนสยาม สมัยนั้นมีช่างฝีมือหลากหลายแขนงมาก ปะป๊าให้ ‘ช่างทอง’ ทำของขวัญให้แม่เป็นการทำต่างหูเข้าเซ็ทกับแหวนทองเป็นรูปหัวใจดวงเล็กๆ ที่มีเพชรอยู่ตรงกลาง เรื่องมันดูจะเบสิกมากแต่ความไม่เบฯ ของเรื่องนี้คือสิ่งที่ปะป๊าทำหลังจากการให้แหวนแม่ในครั้งนั้น ป๊าคอยดูแลแม่ตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ทุกเย็นจะต้องถามแม่ว่าจะกินอะไรแล้วพากันออกไปกินข้าวกระหนุงกระหนิง ถึงแม้ว่าจะโมโหแม่แค่ไหน หรือโดนแม่บ่นแค่ไหน คำบ่นที่ออกจากปากป๊ามาจะมีแค่ ‘ดูแม่สิ….’ จนวันที่ป๊าป่วยหนักๆ จนจำใครไม่ได้ ‘ป๊าก็ยังจำแม่ได้’ ถ้าจะลองจินตนาการว่าผู้ชายคนนึงจะทำเพื่อคนที่เขารักได้แค่ไหน? ฉันว่าภาพที่ฉันเห็นจนชินตานี่คงตอบได้
ถ้าใครรู้จักฉันดี จะรู้ว่าฉันไม่ชอบใส่เครื่องประดับ แต่มีสิ่งเดียวที่ใส่ติดตัวตลอดคือต่างหู นับตั้งแต่วันที่ได้ต่างหูคู่นี้มาฉันไม่เคยใส่ต่างหูคู่อื่นอีกเลย แม่มักจะถามฉันว่า ไม่เอาคู่อื่นไปใส่บ้างหรอ ฉันมักจะปฏิเสธและบอกเพียงว่า ไม่เป็นไร ใส่คู่นี้แหละดีแล้ว จริงๆ แล้วมันมีประโยคต่อท้ายคือ ใส่คู่นี้แหละดีแล้ว…เพราะมันเหมือนฉันกำลังถูกห่มไปด้วยความรักของพ่อที่มีต่อแม่ และนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ฉันไม่เคยเปลี่ยนต่างหู และเชื่อว่าความรักของพ่อและแม่กำลังปกป้องคุ้มครองฉันอยู่แม้ว่าบางวันฉันจะลืมไปว่ามันอยู่ตรงนั้นที่หูทั้งสองข้างของฉันเหมือนเดิม