จริงๆ แล้ว ความสุขของคนเป็นแม่อาจไม่ได้ยิ่งใหญ่นักในสายตาคนทั่วไป แต่เชื่อเถอะว่าแม่ทุกคนคงจะเห็นตรงกันว่ามันยิ่งใหญ่ราวกับได้รางวัลโนเบลอาจเพียงเพราะลูกของเราทำอะไรได้สักอย่างนึง
วันนี้ก็เป็นวันนึงที่แม่อย่างเรารู้สึกเหมือนเดินขึ้นไปรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เพราะเจ้าลูกชายเพิ่งเลิกเพิสกลางคืนได้อย่างเป็นทางการ(แม่ลองดูมาอาทิตย์นึงพอดิบพอดี) จริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าในระหว่างที่เลิกเพิสกลางวัน อลันก็พลอยงอแงไม่ยอมใส่แพมเพิสนอนตอนกลางคืนไปด้วย
จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการเลิกเพิส
หลังจากอลันไปโรงเรียนมาได้ 1 เทอม เราและทางโรงเรียนมีเป้าหมายร่วมกันอยู่ 1 เรื่องคือการเลิกผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กๆ ให้ได้ ซึ่งตอนที่ได้โจทย์นี้มา แม่ยังไม่เห็นทางเลยว่าจะทำยังไงให้อลันเลิกเพิสได้ในวัย 2.4 ขวบ แต่สุดท้ายแม่ก็ตกลงปลงใจทำไปด้วยความเชื่อมั่นว่า เดี๋ยววันนึงถ้าลูกพร้อมก็ทำได้เองน่ะแหละ
เลิกเพิสกลางวัน
ตอนเริ่มต้น คุณครูให้เด็กๆ เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนที่โรงเรียนเยอะขึ้น ไม่อยากจะคิดว่าคุณครูจะต้องเจอกับชะตากรรมอะไรบ้าง เมื่อเด็กเล็กจำนวนเกือบ 10 คนไม่ใส่แพมเพิสไปโรงเรียน และแน่นอนว่า…อลันเป็นหนึ่งในนั้น อลันไปโรงเรียนโดยที่ไม่ใส่แพมเพิสและอยู่บ้านด้วยวิธีการเดียวกัน โดยมีทุกๆ คนคอยสังเกตแล้วบอกว่าปวดรึยังไปห้องน้ำกันนะ เราและโรงเรียนตกลงกันว่าจะไม่มีการต่อว่าหรือหงุดหงิดเมื่อลูกฉี่รดกางเกง แต่กลับกันเราจะให้กำลังใจกันว่า ไม่เป็นไรนะครับ คราวหน้าเราจะไปทัน เราจะไม่เปียกแล้ว! ตอนที่พูดสิ่งนี้แม่ก็คิดว่ามันจะได้จริงๆ หรอ(ฮา…)
แค่ไม่กี่วันของการฝึกฝน เราก็เห็นอะไรบางอย่าง อลันเริ่มบอกฉี่ได้ จนกระทั่งเริ่มวิ่งไปฉี่ด้วยตัวเอง งานนี้ต้องยกเครดิตให้ปะป๊าด้วยที่ทำให้การเข้าถึงโถฉี่ของอลันเป็นไปอย่างง่ายดาย กระโถนเด็กนานาชนิด โถฉี่เด็กนานาพรรณถูกกดมาจาก Shopee และ Lazada เพื่อมาประจำจุดทั่วทุกมุมของบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน แค่บอกว่าปวดฉี่ก็วิ่งเข้าห้องน้ำได้ปรู้ดเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าเด็กก็ให้ความร่วมมือด้วยดี(ยกเว้นตอนที่กำลังเล่นติดพันจนลืมก็เท่านั้น)
เลิกเพิสกลางคืน
พอเริ่มไม่ใส่เพิสกลางวันได้จนชินแล้ว ทีนี้มาถึงตอนกลางคืน อันนี้แม่ไม่เคยแน่ใจเลยว่าจะทำยังไงดี เพราะส่วนใหญ่ก็คือการบอกฉี่ตอนที่ยังมีสติ แต่นอนแล้วจะเอาสติที่ไหนมาบอกกัน? แม่ก็เลยยังไม่เคยให้อลันเลิกเพิสกลางคืน จนเมื่ออาทิตย์ก่อน อยู่ดีๆ เจ้าลูกชายก็เกิดอาการงอแงไม่ยอมใส่แพมเพิสนอนซะอย่างนั้น ร้องไห้ร้องห่มจนหลับไป
แล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น คืนนั้นอลันนอนหลับจนถึงเช้า(แม้ว่าจะหลับไปตอนเกือบเที่ยงคืน)โดยไม่ฉี่รดที่นอน แม่เลยแอบแปลกใจนิดหน่อยจนสุดท้ายก็เลยคิดว่าถ้าอลันหลับแบบนี้ได้ต่อไปก็นอนแบบไม่ใส่เพิสได้นะ
สุดท้ายก็เลยผนึกกำลังกับปะป๊า โดยที่ก่อนนอนปะป๊าจะพาอลันเข้าห้องน้ำจนกว่าจะพอใจ(บางคืนก็คือ 4-5 รอบจนปะป๊าอยากนอนอยู่แถวโถเลยทีเดียว ฮา….) ส่วนหน้าที่ตอนกลางดึกเป็นของหม่าม้าที่จะเรียกอลันไปเข้าห้องน้ำ รอบนี้แหละที่เป็นปัญหาเพราะเจ้าเด็กที่ง่วงนอนมักจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่พอทำทุกวันเจ้าเด็กก็รู้หน้าที่ตัวเอง ยอมยืนฉี่แต่โดยดี

ช่วงวันแรกๆ เราก็จะมีห้องนอนอโรม่าที่อบอวลไปด้วยกลิ่นฉี่เด็ก จนปะป๊าต้องรีเควสที่ฉีดดับกลิ่น เดชะบุญที่เคยไปกินเนื้อย่างที่เกาหลีแล้วเจอสเปรย์ดับกลิ่นผ้าที่หอมมากเลยซื้อมาเก็บไว้ ได้ใช้ก็โอกาสนี้ พอวันหลังๆ ก็เริ่มดีขึ้นพออลันรู้เวลาเข้าห้องน้ำทุกอย่างก็เป็นจังหวะมากขึ้นรวมถึงการนอนของแม่ด้วย

ผ่านมา 1 อาทิตย์ สำหรับหม่าม้าที่ปกติเป็นคนหลับสนิทตลอดคืน การต้องตื่นมาทำหน้าที่พาเด็กเข้าห้องน้ำนั้นเป็นเรื่องที่ชวนทำให้นอนไม่พอเพราะตื่นแล้วหลับยาก แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่ลูกทำอะไรสำเร็จแบบนี้ อย่างที่บอกถึงแม้จะดูเล็กน้อยในสายตาใคร แต่กับแม่แล้ว เรื่องนี้ยิ่งใหญ่เสมอ ยินดีกับปะป๊าด้วยที่ไม่ต้องนอนดมฉี่อลันแล้ว และขอแสดงความยินดีกับแม่ทุกคนที่ลูกเลิกเพิสได้แล้วนะคะ จบเรื่องนี้คงต้องขอตัวไปซักผ้าปูที่นอนก่อนนะคะ ฮา…..
ขอให้เป็นวันที่ดีสำหรับแม่ๆ ทุกคนค่ะ 😊