“เรื่องของผิวหน้าตอนนี้ผมว่าเหมือนประเทศอังกฤษคือพัฒนาจนอยู่ตัวแล้ว เต็มที่แล้ว แต่เรื่องของการ Body Contour หรือการปรับรูปร่าง มันเหมือนประเทศจีนครับ กำลังมา กำลังบูม” คำพูดติดตลกจากคุณหมออาร์ม นายแพทย์วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ Medical Diectorและผู้ก่อตั้งเฮอร์ทิจูด คลินิกกล่าวอย่างอารมณ์ดี ตอนที่ให้สัมภาษณ์เรื่องเทคโนโลยีการกระชับรูปร่างค่ะ
ต้องบอกว่าการมาคุยกับคุณหมออาร์มในครั้งนี้ทำให้มู่ได้ข้อมูลใหม่ๆ ที่มีประโยชน์กับการดูแลรูปร่างมาแชร์กับคุณผู้อ่านได้เยอะทีเดียวค่ะขอบพระคุณคุณหมออาร์มมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เริ่มต้นจากการที่ช่วงนี้หุ่นตัวเองดูตุ้ยนุ้ยเกินความจำเป็น พอได้ยินคุณหมอพูดถึงเรื่องการกระชับสัดส่วนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ใช่การผ่าตัด เจาะ หรือดูดไขมันให้เสียเลือดเนื้อแต่อย่างใดแล้วก็หูผึ่ง รีบไปคุยกับคุณหมออาร์มแบบปัจจุบันทันด่วนค่ะ เทคโนโลยีที่ว่านี้จะเจ็บตัวน้อยแต่ได้ประโยชน์มากกว่าแบบเดิมๆ อย่างไร เราไปรู้จักกับ 4 เทคโนโลยีใหม่ซึ่งบางตัวต้องบอกว่าใหม่จนกระทั่งยังไม่เข้าเมืองไทยเลยด้วยซ้ำ
Body Contouring เป็นการปรับสัดส่วนให้เชปสวย ไม่ใช่การลดน้ำหนัก
ดังนั้นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าไม่ใช่การทำให้คนน้ำหนัก 100 kg. กลายเป็นคนน้ำหนัก 45 kg. แต่เป็นการเอาคนน้ำหนักปกติที่รูปร่างไม่เฟอร์เฟคมาจัดระเบียบรูปร่างใหม่เช่น คนขาใหญ่ มีพุง คนที่เคยคลอดน้อง หรือคนที่มีส่วนเกินตรงไหนมาทำให้รูปร่างดีขึ้น หรือว่าคนที่เคยตัวใหญ่ๆ พอลดน้ำหนักแล้วมักจะเจอปัญหาว่าบางส่วนมันไม่ยอมไปเช่น ขายังใหญ่อยู่ หรือบางส่วนย้วยเช่น ท้องแขนหรือพุง มาทำให้ส่วนนั้นเล็กลง กระชับขึ้น หรือหายไป(แล้วแต่ความหนัก-เบาของปัญหานะคะ) แต่ย้ำค่ะว่าไม่ใช่การลดน้ำหนัก
Re-Fit
เป็นการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า CORE Technology (Channeling Optimized RF Energy) เป็นการส่งพลังงานคลื่นวิทยุเข้าไปใต้ผิวเพื่อช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ในขณะเดียวกันก็ช่วยยกกระชับหย่อนคล้อยโดยเฉพาะคนที่ลดน้ำหนักมาเยอะๆ แล้วมันเกิดการหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น
คุณหมอบอกว่า “ทำแล้วจะหุ่นเหมือนนายแบบ CK เลยมั้ย มันทำไม่ได้นะครับ ผมว่าสมัยนี้การทำโฆษณามักจะสร้างการรับรู้ที่ผิดให้กับคนที่เข้ามาปรึกษา หลายๆ คนคิดว่าทำเสร็จจะต้องหุ่นดีเหมือนนางแบบ มีซิกแพ็คแต่ไม่ใช่ จริงๆ เราทำได้แค่กระชับผิวและลดไขมันให้คุณ ส่วนจะมีซิกแพ็คหรือไม่มีนั้นคุณต้องเป็นคนสร้างมันขึ้นมา”
Q: แล้วอย่างนี้ผิวที่ขยายออกมาสามารถทำให้หดกระชับกลับไปได้อย่างไร
A: คิดถึงเนื้อสเต็กอ่ะครับ ก่อนให้ความร้อนมันชิ้นใหญ่ พอเราให้ความร้อนเนื้อจะหดลงแบบสามมิติ การส่งผ่าน RF Energy หรือพลังงานวิทยุชนิดที่เรียกว่า CORE Technology ก็เช่นเดียวกัน มันจะประกอบไปด้วย 3 สเต็ปใหญ่ๆ เช่นเดียวกัน
วิธีการรักษา:
Heat ผิว คือการส่งผ่านพลังงานความร้อนลงไปข้างใต้ผิวเพื่อให้ผิวทั้งหมดเกิดการยุบตัว
เรียบร้อยแล้วเราก็ส่ง RF ชนิดที่ลึกที่สุดลงไปใต้ผิวเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน
จากนั้นแล้วเราจะส่ง RF ชนิดตื้นลงไปกระชับผิวที่มันหย่อนให้ตึงตัวขึ้นมา
ข้อดี
ไม่เจ็บตัว ไม่เขียวช้ำ ไม่พักฟื้น ทำเสร็จใช้ชีวิตได้ตามปกติ ใส่ชุดว่ายน้ำได้ ทำได้ทุกส่วน ทำได้ทุกสีผิวเนื่องจากคลื่นวิทยุไม่มีผลต่อสีผิวเหมือนเลเซอร์
ข้อเสีย
ไม่ได้ทำครั้งเดียว ส่วนใหญ่ทำ 5-10 ครั้งแล้วปัญหาของคนไข้
TiteFX
ยังอยู่ในโหมดของการทำคลื่นวิทยุเป็นการรวม 3 นวัตกรรมเข้าด้วยกัน
RF Energy
Vacuum ทำหน้าที่ดูดไขมันขึ้นมา ถ้าเราส่งผ่าน RF Energy ลงไปธรรมดา มันจะลงไปได้ไม่ลึกแต่ถ้าเราดึงมันขึ้นมาแล้วส่งผ่านแบบในแนวขวางไขมันก็จะโดนสลายหมด ที่สำคัญการที่เราดูดผิวขึ้นมาพวกที่ทำให้เกิดเซลูไลท์จะขาดออกจากกันลักษณะเปลือกผิวส้มก็จะดีขึ้นด้วย
Fat Killer เป็นตัวที่เพิ่มขึ้นมาจากนัวตกรรมแรกชื่อว่า Electroporation high-voltage หรือHV ลักษณะการทำงานคือหลังจากที่ปล่อยคลื่นวิทยุไปสลายไขมันจนมันกลายเป็นน้ำมันแล้ว ก็จะปล่อย Electroporation ที่เป็นกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เข้าไปอีกนิดหน่อยเพื่อเป็นการเปิดแยกผนังเซลล์ไขมันให้แตกออก fat cells จะสลายตัวไปเลย
หลังจากนั้นร่างกายเราก็จะส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวเข้ามาเก็บกินของเสีย ไขมัน เศษซากเซลล์เหล่านี้ออกไปทิ้งตามกระบวนการปกติของร่างกาย ร่างกายเราก็จะเล็กลง ทำทุก 1 สัปดาห์ 3-4 ครั้งเท่านั้นเพราะพลังงานเยอะกว่าตัวแรกแล้วก็ให้ผลยาวเหมือนตัวแรก
ข้อดี
ไม่เจ็บตัว ไม่เขียวช้ำ ไม่พักฟื้น ทำเสร็จใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ใส่ชุดว่ายน้ำได้ ทำได้ทุกส่วน ทำได้ทุกสีผิวเนื่องจากคลื่นวิทยุไม่มีผลต่อสีผิวเหมือนเลเซอร์
จะไม่กลับมาอ้วนซ้ำในบริเวณนั้นๆ เพราะเป็นการทำลาย Fat cells ไปค่อนข้างถาวรเลย สมมติมีเซลล์ไขมัน 100 ตัวเมื่อทำไป 3-4 ครั้ง การทำ TiteFX จะทำให้เซลล์ไขมันตายไป 25 ตัว ส่วนที่เหลือก็จะขนาดเล็กลงเนื่องจากถูกสลายไขมัยไปเวลาเรากลับมาอ้วนซ้ำก็จะน้อยกว่าเดิม (แต่ถ้ากินเยอะใหม่ก็กลับมาอ้วนได้ใหม่นะคะ)
ทำการรักษาน้อยลง
ข้อเสีย
ไม่ได้ทำครั้งเดียว ส่วนใหญ่ทำ 3-5 ครั้งแล้วปัญหาของคนไข้
เจ็บกว่าแบบแรกนิดหน่อยเพราะพลังงานสูงกว่า
COOLSCULPTING
เป็นการคอนทัวร์ผิวด้วยความเย็นค้นพบเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วแต่เพิ่งมาบูมในปีนี้เพราะวิทยาการสมัยนั้นยังไม่ทันสมัยพอ เรื่องนี้เกิดจากศาสตราจารย์คนหนึ่งที่ฮาร์เวิร์ดที่บังเอิญพบว่าเด็กสมัยนี้แก้มบุ๋มข้างหนึ่งหน้าไม่เท่ากัน เขาเลยหาสาเหตุว่าทำไมแก้มถึงไม่เท่ากัน ก็พบว่าเด็กเหล่านี้ดูดไอติมไว้ที่กระพุ้งแก้มแล้ว Fat มันสลายตัวไป ก็เลยไปศึกษาพบว่าความเย็นในระดับจุดเยือกแข็งสัมผัสกับเซลล์ไขมันในระยะเวลาที่เหมาะสม(คือประมาณ 1 ชั่วโมง) จะสามารถทำให้เซลล์ไขมันตายไปเรียกว่า Program Cell Death คือโปรแกรมที่ทำให้เซลล์ตายไปด้วยตัวเอง ไม่ได้เป็นการไปฆ่าโดยการยิงแสงหรืออิเลคตรอนให้เซลล์ตายแต่เป็นการทำให้เซลล์ตายไปด้วยตัวของมันเอง
วิธีการรักษา: เอาเครื่องวางไปบนหน้าท้องของคนไข้จากนั้นเครื่องก็จะดูดหน้าท้องขึ้นมาในกระเปาะ แล้วเปิดเครื่องทำความเย็นส่งความเย็นลงไปใต้ผิวคนไข้แล้วก็ให้คนไข้อ่านหนังสือ เล่นเฟสบุคไปจน 1 ชั่วโมง พอเสร็จคนไข้ก็กลับบ้านได้เลย 3 เดือนกลับมาเจอกันผนังหน้าท้องจะลดลง 2.5-3.5 เซนติเมตร ดูง่ายมากจากนั้นก็รอเวลาให้เซลล์ไขมันตายไปเอง
ข้อดี
ทำหนึ่งครั้งเซลล์ไขมันจะตายไป 25 เปอร์เซ็นต์
ทำแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่พอใจสามารถทำเพิ่มได้ทุก 3 เดือน
ไม่ต้องมา Maintain เพราะเซลล์ไขมันมันตายไปแล้ว
ข้อเสีย
ทำเสร็จใส่ชุดว่ายน้ำแบบบิกินนีไม่ได้ เพราะเวลาผิวโดนความเย็นสูงๆ มันจะแดงอยู่ประมาณ 3-4 วันถึงจะหายเป็นปกติ
liposonix
1 ครั้ง 1 ชั่วโมง ลดขนาดกางเกงได้ 1 ไซส์
เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ยังไม่ผ่านอ.ย.ไทยน่าจะเข้ามาให้คนไทยได้รู้จักกันประมาณปลายปีนี้ liposonix เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่เรียกว่า High Intensity Focus Ultralsound (HIFU) เหมือนสมัยเด็กๆ ที่เราเคยเรียนเรื่องการรวมแสง พอรวมแสงเป็นจุดเดียวใบไม้ก็จะไหม้ แต่เราไม่ได้ใช้แสงเราใช้คลื่นเสียงเพราะปลอดภัยกว่าพอโฟกัสลงไปที่เซลล์ไขมันใต้ผิวระดับ 1.6 เซนติเมตรจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างแรงของเซลล์ เกิดความร้อนเข้าไปเบิร์นเซลล์ไขมันจนตายไป (วิธีนี้มีการทำงานคนละอย่างกับ COOLSCULPTING ที่ทำให้เซลล์ไขมันตายไปด้วยตัวเองนั่นคือเราฆ่าเซลล์ไขมันไปเลย)
วิธีการรักษา: นำหัวเครื่องมือมาวางที่หน้าท้องเรา พอเปิดเครื่องปุ๊บ เครื่องก็จะปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์ลงมาเบิร์นไขมันเราเป็นจุดๆ เรียงกันไป ไขมันก็จะโดนระบบเม็ดเลือดขาวขจัดไปจากร่างกาย
ข้อดี
ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง
ใต้ผิวหนังไม่ได้เป็นรูเพราะพอเม็ดเลือดขาวเก็บกินหน้าท้องก็จะแฟ่บลงมาไม่เหมือนกับการดูดไขมัน
ทำครั้งเดียว 3 เดือนเห็นผล เปลี่ยนไซส์กางเกงได้ 1 ไซส์
ข้อเสีย
รู้สึกหน่วงๆ นิดหน่อย
ราคาแพง
ข้อจำกัด
มีความหนาของไขมันเพียงพอต้องเป็นคนที่สามารถจับขึ้นมาได้ประมาณ 2 นิ้ว เนื่องจากต้องยิงอัลตราซาวด์ลงไปใต้ผิวหนัง 1.6 เซ็นติเมตร เพราะไม่เหมือน COOLSCULPTING ที่เลือกทำลายได้แต่ไขมัน เนื้อเส้นเลือด เส้นประสาทไม่ถูกทำลาย
 |
ที่สำคัญคุณหมอเน้นย้ำว่า “ไม่ว่าจะทำโปรแกรมไหน สิ่งหนึ่งที่คนไข้จะต้องมีคือ Realistic Expectation เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ที่มักจะไม่พอใจในรูปร่างตัวเองหรือรับรู้เรื่องเกี่ยวกับรูปร่างตัวเองผิดเพี้ยนไป เช่นจมูกโด่งสวยอยู่แล้วก็รู้สึกไม่พอใจอยากทำเพิ่มทำใหม่ จนกลายเป็นการเสพติด หรือผอมแล้วก็ยังจะต้องผอมอีก ดังนั้นคนที่จะมาทำต้องมีความคาดหวังที่สามารถเป็นได้จริงเช่น ตอนนี้ใส่ไซส์ 4 ทำเสร็จแล้วจะต้องลงมาเหลือไซส์ 2 ไม่ใช่การคิดว่าทำเสร็จแล้วจะต้องหุ่นดีเหมือนนาโอมิ แคมเบลและที่สำคัญต้องย้ำอีกรอบว่าไม่ใช่โปรแกรมลดน้ำหนัก มันมีไว้สำหรับคนที่ลดน้ำหนักแล้ว แต่อยากให้รูปร่างดูดีขึ้น”
นอกจากนั้นยังมีคำถามที่มู่เชื่อว่าสาวๆ หลายคนยังสงสัยอยู่ว่าการทำอะไรพวกนี้สามารถคงทนหรืออยู่ไปได้นานสักแค่ไหน ซึ่งคุณหมอบอกว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรถาวรและขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองค่ะ |
ที่อเมริกาเราแนะนำให้ทำ 8 ครั้งต่อกันทุกสัปดาห์แล้วก็หยุดเว้นไปเพื่อดูผลว่าแฮบปี้หรือยัง ถ้าโอเคแล้วก็หยุดไปแล้วมา maintainace ทุก 3-6 เดือนครั้งหนึ่งเพราะเราแก่ขึ้นทุกวัน พอเราอายุมากขึ้นมันก็ต้องหย่อนยานลงไม่มีอะไรที่ 100 เปอร์เซนต์หรือถาวรครับ
เรื่องรูปร่างเป็นอะไรที่สาวๆ อย่างเราๆ ยอมไม่ได้ค่ะ ดังนั้นนอกจากจะพึ่งเทคโนโลยีแล้ว มู่ว่าเราควรจะดูแลรักษาให้ดีก่อน จากนั้นจึงค่อยปล่อยส่วนที่มีปัญหาให้คุณหมอดูแลนะคะ หมั่นออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้รูปร่างสวยๆ และแข็งแรงอยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
คราวหน้ามู่จะมาเล่าเรื่องของการไปรักษาสิวอุดตันด้วย Acne Clear Lazer ค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ ใครที่มีคำถามเพิ่มเติมสามารถเข้ามาคุยกันได้ที่ www.facebook.com/Mumuustory
พบกันใหม่อาทิตย์หน้า
สวัสดีค่ะ
